Boonchuji’s Conference February 2017 Mysore Magic!

มาอีกแล้วจ้า ทุกวันอาทิตย์แรกของเดือน ที่ AYBKK ของเราจะมี Conference นะ เป็นงานพูดคุยเกี่ยวกับการฝึก และเรื่องทั่วๆไปที่เกี่ยวกับการฝึก ในงานมีขนมให้ทาน เสื้อยืดของ AYBKK ก็จะลด 50%  ด้วยนะ ใครสนใจก็ขอเชิญมาเข้าร่วมฟังอะไรดีดีเกี่ยวกับอัชทางก้ากันนะคะ

อาทิตย์นี้ จะเป็นบรรยากาศพูดคุยสบายๆ แนะนำครูที่จะมาอยู่ช่วยช่วงที่ครูบุญชูไม่อยู่ ชื่อครู Mati (Authorized Level2 ) เป็นชาวชิลีจ้า ครู Mati กับครูบุญชู จึงถือโอกาสใช้ Conference นี้ บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการฝึกที่ Mysore ว่าเป็นอย่างไรบ้าง

ครูบุญชูกล่าวว่า ทุกคนที่ไปฝึกที่ Mysore ก็จะได้ประสพการณ์แตกต่างกันไป เพราะแต่ละคนมาจากพื้นเพต่างกัน ครู Mati ก็เล่าว่า ได้ฝึกโยคะมาทั้งหมด 10 ปี คือฝึกที่ชิลีก่อน ได้สามปี แล้วก็เริ่มไปฝึกที่ Mysore ความรู้สึกแรก คือ อยากฝึกกับ the best นั่นก็คือ Sharath นั่นเอง ที่ไป mysore ก็ไม่ได้ตั้งเป้าว่าอยากเป็นครูอะไร แค่รักการฝึก อยากจะไปฝึกเท่านั้นเอง

ครูบุญชู ก็ถามว่า แล้วชารัทได้เข้มงวดกับคุณมั๊ย เพราะได้ยินมาว่าเค้าจะเข้มงวดกับบางคน และอ่อนกับบางคน และชารัทก็มักจะชอบคนที่ flexible มากกว่าด้วยเหตุผลบางประการ อาจจะเป็นเพราะว่าคนตัวอ่อนนั้น มักจะใจเปิดกว้างกว่าก็เป็นได้

ครู Mati ก็ตอบว่า ชารัทเป็นครูที่เข้มงวด แต่ก็ไม่ได้โหดกับเค้ามากขนาดนั้น เค้าเชื่อว่า ถ้าคุณเป็นนักเรียนที่ดี ประพฤติตัวดี ชารัทก็จะไม่โหดกับคุณมากนัก และถ้าคุณฝึก primary , intermediate ชารัทก็ยังไม่โหดกับคุณมาก จนกระทั่งคุณขึ้น Advance series นั่นแหละ เค้าจะเคี่ยวคุณอย่างหนักเลย เค้าเชื่อว่า ที่ชารัทผลักดันคุณ เคี่ยวคุณ เพราะเค้าเชื่อว่า คุณสามารถที่จะทำได้ เค้าเชื่อใจคุณ และคุณก็จะรู้ได้ด้วยตัวเองว่า ความจริงคุณสามารถทำได้มากกว่าที่คุณคิด  you can do more than you think.

เค้าบอกว่า คุณจะเริ่มที่จะรู้เกี่ยวกับตัวเองจริงๆ จากการฝึก เค้าต้องตื่นมาตีสาม เริ่มฝึกตอนตีสี่ นั่นแหละคือ Mysore magic คือคุณจะก้าวข้ามลิมิตของตัวเอง และคุณก็จะเร่ิมประหลาดใจ ว่าจริงๆแล้วตัวคุณเองทำได้มากกว่าที่ตัวเองคิดเยอะ

ครูบุญชูถามว่า จริงรึเปล่า ที่บางคนบอกว่า การไป mysore น่ะ แค่จ่ายเงิน แล้วก็ได้เข้าไปฝึก ชารัทจะไม่มาแตะอะไรคุณเลย มาแค่ backbends เรื่องจริงมันเป็นยังไง?

ครู  Mati บอกว่า บางที อย่างเช่นพวกเค้าที่เป็นชาวตะวันตก พวกเราก็มักจะอยากให้คนรู้จักเรา (wanted to be seen) บางทีเราก็อยากมีความสัมพันธ์แบบครูนักเรียนกับชารัท แต่ความจริงแล้ว ชารัทเค้ารู้จักเราและจะจำเราได้ ถ้าวันไหนเราขาดไม่ไปฝึก อันวันต่อมาเค้าจะถามเราในชาล่า ว่าเมื่อวานคุณไปไหนมา ทั้งๆที่มีนักเรียนเป็นร้อยๆ คน เราคิดว่าเค้าไม่รู้จักเราและจำเราไม่ได้แต่ความจริงเค้ารู้และจำเราได้

นักเรียนบางคนจะพูดทำนองว่า ชารัทไม่เห็นเคยมาแตะชั้นเลย มีแต่ผู้ช่วย แต่ความจริง ชารัทจะมาบอกในสิ่งที่เราขาดเท่านั้น และ คำคำนั้น จะเปิดทุกสิ่งทุกอย่าง และเค้ามักจะแก้ไขในสิ่งที่เป็นปัญหากับเราเท่านั้น บางทีมันก็ไม่ใช่ปัญหาทางด้านร่างกาย แต่เป็นปัญหาภายในจิตใจ การฝึกเป็นเพียงเครื่องมือ ที่ทำให้คุณลงลึกเข้าไปในจิตใจของตัวเราเอง ที่จะช่วยพัฒนาให้เราเป็นคนที่ดีขึ้น

ครูบุญชูกล่าวว่า ชารัทพูดเสมอว่า Don’t follow my style of walking, but follow my direction

บางทีการฝึกในชาล่าแบบนี้ พวกเราก็มักจะมาฝึกกันแค่อาสนะ แต่ไม่ได้ลึกลงไปในจิตใจ แต่ถ้าเราได้ไปฝึกที่ Mysore เนื่องจากว่า มีความกดดันเยอะ และบางที เมื่อคุณต้องการอะไรมากๆ คุณก็มักจะไม่ได้ แต่เมื่อเวลาที่คุณไม่อยากได้ คุณก็จะได้รับในเวลานั้น  บางทีเราคิดว่าเค้าไม่รู้จักเรา แต่จริงๆแล้วเค้ารู้จักเราดี และรู้จริงๆว่าเรากำลังทำอะไรอยู่

บุญชู ถาม Mati ว่า คิดอย่างไรกับ Workshop

Mati แนะนำว่า ให้ฝึกกับครูคนใดคนหนึ่งเท่านั้น เพราะการที่เราไปเข้าเวิร์คชอปต่างๆ คุณจะเริ่มสับสน การไป workshop บางทีครูคนนั้นก็ไม่ได้รู้จักอะไรเกี่ยวกับตัวคุณมากนัก ไม่เหมือนกับการฝึกกับครูคนใดคนหนึ่งนานๆ แล้วสร้างความสัมพันธ์ของศิษย์กับอาจารย์กับครูคนนั้นไปเลยจะดีที่สุด

 

วันนี้ก็จบสั้นๆเพียงเท่านี้จ้า เอามาแปลให้สำหรับคนที่มาเข้าแล้วอาจจะไม่เข้าใจทั้งหมดหรือคนที่พลาดเรื่องดีดีไป จะนำมาเล่าสู่กันฟังที่นี่นะจ๊า