Review : Yoga Mat รีวิว เสื่อโยคะ Manduka Lululemon Jason Liforme

เคยคิดว่าโยคะเป็นอะไรที่ประหยัดเงินที่สุดแล้ว?? อุปกรณ์อะไรๆ ก็ไม่ต้องใช้ สรุป ผิดจ้า อุปกรณ์โยคะดีดี เป็นอะไรที่แพงมาก โดยเฉพาะเสื่อ ที่สำคัญที่สุด ถ้าแบรนด์ดีดี ก็สามสี่พัน ช๊อก แต่เสื่อดีดี จะพาเราไปสู่สิ่งที่ดีดี จริงๆ นะ เนื่องจากเสื่อที่ดี จะช่วยให้ไม่ลื่น ไม่เกิดอุบัติเหตุ จะทำท่ายากๆ ก็มั่นใจที่จะทำ

เสื่อแบรนด์แพงๆ ก็มีมากมายหลายแบบ ซื้อผิดก็เสียดายตังค์สุดๆ ไปเลย เดี๋ยวเราจะมารีวิวเสื่อแบบต่างๆ หลายๆ แบรนด์ให้ดูกันนะ เพราะหาข้อมูลมาเยอะ อยากจะเอามาแชร์ เผื่อใครจะซื้อเสื่อโยคะ ก็ได้เอาไว้เป็นข้อมูลได้นะจ๊ะ  อิอิ การใช้เสื่อดีดี ก็ทำให้เรามีความมั่นใจที่จะฝึกท่ายากๆ มากขึ้นจริงๆ

เริ่มแรกโบว์ไปฝึกที่สตู เค้าก็มีเสื่อให้เรายืมใช้ แต่เราสังเกตุเองว่า คนเก่งๆ จะมีเสื่อมาเองกันทั้งนั้นเลย เหมือนเป็นเครื่องบ่งบอกถึงระดับความโปร (ฮ่า) แต่เหตุผลที่ทำให้เราตัดสินใจซื้อเสื่อเอง ไม่ใช่แค่อยากดูโปร เหตุผลมีดังนี้

1. เสื่อที่สตูส่วนมากจะเป็นของคุณภาพกลางๆ คือ ความหนีบมีน้อย เจ็บมือ ถ้าทำท่า downward facing dog บ่อยๆ จะเจ็บฝ่ามือ

2. ความสะอาดเป็นหลัก คิดดูนะ ว่าเสื่อในสตูน่ะ ผ่านการใช้งานมากี่คน เท้ากี่เท้าที่เหยียบลงไป เหงื่ออีก ถึงจะบอกว่าเอาผ้าเช็ดตัวมาปูแล้วก็สะอาดแล้วก็เถอะ ไม่คิดว่าจะช่วยได้มากเท่าไหร่ แถมผ้าเช็ดตัวมาปู ก็มีความลื่น ไม่หนึบเท่าใช้แมตดีดีแน่นอน  เคยสังเกตุตามสตูส่วนมาก ก็ใช้แค่ เดตตอลผสมน้ำ ใส่กระบอกฉีด เช็ด แล้วก็ตากพัดลม ไม่ก็ผึ่งแดด เท่านั้นเอง เพราะเค้าต้องหมุนเวียนใช้ให้คนเล่นตลอด ไม่มีเวลาทำความสะอาดทุกผืนบ่อยๆ แน่นอน

3. เสื่อดีดี จะพาเราพัฒนาตัวเองไปได้ไกล พอเสื่อที่ใช้มีคุณภาพดี ก็รู้สึกมั่นใจที่จะหัดทำท่ายากๆมากขึ้น เคยลองทำท่ายากๆ บนเสื่อที่ดี กับเสื่อที่ไม่ดี ฟีลมันต่างกันมากนะ บางท่าไม่กล้าทำ เพราะรู้สึกว่ามันลื่น จับไปแล้วไม่มั่นใจ

4. พอใช้เสื่อของตัวเองมากๆ จะเป็นสัมผัสที่คุ้นเคย พื้นผิว กลิ่น เรียกว่า จับไปแล้วมั่นใจ ฝึกบนพื้นผิวที่คุ้นเคย แถมหอบไปฝึกได้ทุกที่

เหตุผลที่กล่าวมา ก็เพียงพอจะสรุปได้ว่า ซื้อเสื่อดีดีของตัวเองใช้กันเถอะ เชื่อเรา

ถ้าใช้เสื่อไม่ดี แล้วทำท่ายากๆ อย่าง Pincha (forearm stand) หรือ Handstand มีสิทธิ์ที่จะไถลลื่นเกิดอุบัติเหตุได้นะ เพื่อนเราเคยแล้ว ศอกไถล ศอกเป็นแผลเลยจ้า

หลังจากฝึกไปได้ระยะหนึ่ง เสื่อผืนแรกที่ซื้อ แน่นอน ยังไม่อยากซื้อของแพงมาก เพราะไม่รู้ว่าจะฝึกนานแค่ไหน เราก็เลยซื้อของที่ผลิตในประเทศ ราคาย่อมเยาว์ แต่เคยลองจับแล้ว ก็คุณภาพโออยู่นะ กับ JAson 990 บาท แถมถุงหิ้วให้ด้วย แถมลายก็สวยนะรุ่นนี้ เชื่อว่าเป็นเสื่อผืนแรกๆ ของคนเล่นโยคะหลายๆคน

รุ่นนี้ เนื้อหนา 6 mm นุ่มมาก Support ดี ซื้อมาตอนแรกลื่นปรื้ด พึ่งจะรู้จากพี่ที่สตูคือ ทุกผืนที่ซื้อใหม่จะลื่นหมด ให้ทำความสะอาดก่อน เราใช้ซันไลต์กับฟองน้ำชุบ เช็ดๆ แล้วก็ฉีดน้ำ ผึ่งแดด ช่วยได้มาก หรือจะเอาสารส้มผสมน้ำใส่กระบอกฉีด ฉีดๆๆ แล้วผึ่งตากแดดก็ได้เช่นกัน

สิ่งที่ชอบที่สุดของรุ่นนี้คือ ลายดอกบัว เวลาฝึกจะช่วยให้มีจุดมอง เพิ่มสมาธิ (ฮา) อันนี้เรื่องจริง

ข้อเสียคือ มีรูพรุน ทำให้ทำความสะอาดยาก ถ้าอยากสะอาดมากต้องเอาน้ำฉีด เอาฟองน้ำชุบซันไลต์ ขัดๆ แต่ใช้เวลาสองวันผึ่งแดด กว่าจะแห้ง

รุ่นนี้มันก็หนึบใช้ได้ มีความนุ่ม แต่พอเล่นๆ ไปซักระยะ จะทำให้รู้สึกว่า เราต้องการอะไรที่มันมากกว่านี้ ทำให้เราเริ่มมองเสื่อผืนต่อไป

อันนี้เป็นรูปที่เราฝึกได้ประมาณเดือนครึ่ง ใช้เสื่อเจสัน

หลังจากที่หาข้อมูล โดยการคุยกับคนนู้นคนนี้ แอบจับเสื่อของคนนั้นคนนี้บ้าง มาถูกใจกับเสื่อ Manduka รุ่น Prolite เพราะสีสวย (ฮา) และมีตัวแทนจำหน่ายในไทยอย่างเป็นทางการ ทำให้การหาซื้อค่อนข้างง่าย ราคาโอเค มีการรับประกัน โดยรุ่น Prolite จะรับประกันตลอดชีพ ถ้าเสื่อพัง (โดยไม่ใช่ว่าเราทำพังเอง) เค้าจะเปลี่ยนให้ฟรี ราคา ค่อนข้างแพง (UPdate ราคาที่ไทย 4480 บาท บางรุ่นที่เป็นสีพิเศษอาจจะราคา  4900-5400 รวมค่าส่งอีกประมาณ 200 บาท) แต่เพราะมันรับประกันตลอดชีพไง เลยคิดว่า อันนี้แหละ

จัดไปหนึ่งอัน สี seagrass

ของจริงสีสวยมาก ลืมมมมม

สีเขียวมินต์นี่สวยมากจริงๆ เราต้องสีนี้เลย เป็น girl with green mat อิอิ

แต่หลังจากการใช้ครั้งแรก ได้มาปุ้บเอาไปสตูเลย สรุป ลื่น! รู้สึกเฟลมาก ถามครู ครูบอก

“เค้าต้องล้างทำความสะอาด ตากแดด ก่อนการใช้ครั้งแรกจ้ะ เสื่อทุกผืนมาใหม่ๆ ก็ลื่นหมดแหละ”

ตรึ่ง ไม่เห็นมีใครเคยบอกเลย แง๊ววว เราพึ่งรู้ว่า เสื่อของแมนดูกะ (ไม่รวมรุ่น Eko Lite, pro lite) จะมีฟิล์มเคลือบอยู่ ครั้งแรกก็เอาผ้าชุบน้ำเช็ด ผึ่งแห้ง ถ้าเราเหงื่อออกเยอะฟิล์มนี้จะค่อยๆ หายไปเอง แต่ถ้าอยากให้หนึบทันที จะต้องทำการ break in หน้าฟิล์มที่เคลือบเสื่อนี้ออกไปก่อน

 มีวีดีโอจากในการทำ break in Film มาฝาก เคลือบผิวหน้าเสื่อโดยเอาเกลือทะเลโรยที่เสื่อ ทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง แล้วเอาผ้าชุบน้ำเช็ดๆ เช้าวันต่อมา เสร็จก็ล้างน้ำแล้วผึ่งให้แห้งค่า ทำตามวีดีโอนี้เลยนะ ถูกวิธีชัวร์

อันนี้เป็นประสพการณ์ส่วนตัวนะคะ ** จากการทำเบรคอินครั้งแรก หน้าเสื่อก็ยังมีสารเคลือบอยู่เล็กน้อยค่ะ เหมือนว่ายังออกไม่หมด เลยลองทำรอบสอง โดยการเอาเสื่อตากแดดให้อุ่นๆ แป๊บนึง แล้วเอาเกลือโรย ทิ้งไว้หนึ่งชั่วโมง แล้วเอาน้ำผสมสารส้มฉีดทิ้งไว้อีกแป๊บนึงค่ะ แล้วค่อยเอาผ้าชุบน้ำ ขัดๆๆ คราวนี้ตั้งใจขัดมากกว่าเดิม  เสร็จแล้วก็ล้าง ผึ่งให้แห้ง ได้ผลค่ะ คราวนี้หนึบเลยค่ะ

หลังจากเหตุนี้แหละ แล้วประกอบกับพี่ที่สตู ซื้อรุ่น Eko มา เราลองจับ ป้าดด หนึบมาก ทำไมชั้นไม่ซื้อรุ่นนี้ เลยหาข้อมูล เอาทุกรุ่นมาเปรียบเทียบให้ดูกันนะ

เสื่อ Manduka มีสามรุ่นหลักๆ คือ  Pro, Eko, Live ON

Pro Series – จะเหมือนรุ่นของเรา คือ มีความหนา หนึบดี เช็ดทำความสะอาดสะดวก และ รับประกันตลอดอายุการใช้งาน

ถ้ารุ่นที่ดังของเค้าคือ รุ่น Pro Specs Black Mat เสื่อสีดำ ที่หนึบมากกว่ารุ่น Pro Lite แต่น้ำหนักมากถึง 3.2 kg ค่อนข้างหนักมากเลยทีเดียว กับรุ่น Pro Lite  ของเราจะมีสีให้เลือกมาก เหมาะกับการพกพา เพราะหนักเพียง 1.8 กิโลเท่านั้น

ข้อดีของรุ่น Black Mat ก็คือ เป็นแมทที่ใหญ่กว้างขวางมาก เหมาะกับผู้ชายที่ตัวโตๆ จะทำให้มีพื้นที่ฝึกเยอะ

ส่วนรุ่น Pro Squared คือ ใหญ่มากเล่นได้สองคนเลย คือ ปูที่บ้านถาวร เอาไว้เป็นพรมที่บ้านได้เลย ลูกก็คลานได้อย่างสบายใจ กับเนื้อที่หน้าเสื่อถึง 36 ตารางฟุต

ข้อดีอีกอย่างของรุ่น Pro คือ เราสามารถเอาน้ำฉีด ล้าง เช็ดแล้วผึ่งแดดได้เลย ทำให้สามารถพกพาไปเล่นที่ต่างๆ แล้วทำความสะอาดได้ง่ายกว่า โดยเฉพาะเวลาเอาไปเล่นบนชายหาด เวลาเนื้อทรายติดบนเสื่อ คือ ทำความสะอาดยากมาก ถ้าเป็นรุ่นที่ฉีดล้างไม่ได้ล่ะก็ เหนื่อยเลย กว่าจะปัดทรายออกหมด

ส่วนที่เรายอมรับว่ามันเริ่ดมากของรุ่น Pro นะคะ เนื้อของมันอ่ะ ทนมากจริงๆ เราใช้มาสองปี ยังดูใหม่มากอยู่เลย

ดูเนื้อใกล้ๆ คือแทบไม่มีรอยตำหนิอะไรเลย ทั้งๆที่จริงๆ ใช้ไม่ระวังเลย ขึ้นเขาลงน้ำทะเล ลงทราย มันทนมากๆ

ลองเอาเล็บจิกลงไปให้ดู มันจะฟูเด้งกลับขึ้นมาทันที

เราว่ามันเป็นแมทที่เหมาะกับสตูดิโอมากๆ เพราะมันทน คุ้มค่า ซื้อทีใช้กันยาวๆไปเลย เวลาคนใช้ก็ฉีดน้ำ เช็ดๆ ผึ่งแป๊บเดียวก็แห้ง คนต่อไปใช้ต่อได้ ไม่มีปัญหา ถ้าเป็นพวกยางที่เหงื่อซึมลงไปถึงข้างล่าง อาจจะไม่เหมาะที่จะใช้เป็นเสื่อ public ซักเท่าไหร่

ที่สตู ก็เป็นแมทครูที่ปูถาวรค่ะ ใช้มาสองปีก็ไม่สึกหรอประการใด ปูยาวๆ ค่ะ

เปรียบเทียบแมทเก่ากับแมทใหม่ แมทเก่ายังดูใหม่อยู่เลย

รุ่น Black Mat Pro ที่ไทย มีรุ่น 71 นิ้ว  และรุ่น 85 นิ้ว  พื้นผิวอาจจะดูเหมือนรุ่น Pro Lite  แต่เราเคยจับของพี่ที่สตูมาแล้ว มันหนึบกว่า Prolite มากๆ นะ แต่ถ้าเทียบความหนึบแล้ว คือ ไม่หนึบเหมือน Eko ถ้าเหงื่อออก ก็ยังมีลื่นอยู่นะ ข้อดีคือ พื้นผิวแบบนี้คือ มันทนอ่ะ ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเลยในคราวเดียว คือ อยู่ได้เป็นสิบปีชัวร์  แต่ก็หนักเอาเรื่องอยู่เหมือนกันนะ ถ้าจะต้องแบกไปไหนมาไหน

แบล๊คแมท เป็นชื่อที่เรียกกันติดปากของรุ่นนี้ เพราะรุ่นแรกๆที่ออกมา มีแต่สีดำ จึงเรียกว่า แบล๊คแมท โปร แต่พอหลังๆ เค้าก็ออกสีอื่นๆ ตามมามากมาย จึงเป็นชื่อรุ่น Pro Mat แทน แต่เรียกแบล๊คแมทก็ได้ เข้าใจตรงกันจ้า ว่าคือรุ่นนี้

แล้วเราก็เลือกสี Oceana มาจ้า สีเขียวมินท์ที่โปรดปราน สวยมากๆ

สเปคของ แบล๊คแมท คือ มีความกว้าง 66 เซน และความยาว 180 เซน กล่าวคือ มีความกว้างมากกว่าแมทธรรมดาถึง 2 นิ้ว และยาวกว่าแมทธรรมดาทั่วๆไปถึง 3 นิ้ว เหมาะกับหนุ่มๆ ตัวสูง และคนที่ฝึกในที่แคบๆ เช่นอัชทางก้าฝึกแมทติดๆกัน การใช้แบล๊คแมทจะทำให้เรามีพื้นที่ในการฝึกมากขึ้น ฮา

นอกจากรุ่นนี้แล้วก็ยังมีรุ่นที่ความยาว 85 นิ้ว หรือ 216 เซนติเมตรเลยนะคะ เหมาะกับหนุ่มตัวสูงใหญ่มากๆ เลย

ถ้าดูจากในรูปข้างล่างนี้ สีฟ้าคือรุ่น Lite On ธรรมดาค่ะ เทียบกับ black mat 71 นิ้ว ก็จะเห็นถึงขนาดที่กว้างและยาวกว่าอย่างเห็นได้ชัด ถ้าเป็นรุ่น 85 นิ้วยิ่งมะต้องพูดถึง กว้างขวาง อลังการมากๆเลยทีเดียว

ความหนานะคะ รุ่นนี้หนา  6 mm ค่ะ หนาสะใจเลย มีน้ำหนักประมาณ 3 กิโลนะ เราว่า ค่อนข้างหนักสำหรับสาวจิ๋ว

ข้อดีของแบล๊คแมท แน่นอนค่ะ ความถึก ทน เราเคยรีวิวไปแล้ว เอาเล็บจิก โดนอะไรทับ มันก็จะเด้งคืนรูปกลับมาเหมือนเดิมค่ะ เป็นแมทที่ใช้ได้นานมากๆ สมกับที่เค้าการันตี รับประกันตลอดชีพ (เราเคยถามแล้วนะคะ รับประกันการใช้ที่ 15,000 ครั้ง ก็ประมาณ 6-7 ปีค่ะ ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานด้วยค่ะ)

ข้อสรุปสำหรับ Black Mat นะคะ

*เป็นแมทที่ซื้อมาแล้วใช้คุ้มใช้ยาว เนื่องจากผิวหน้าที่คงทน โดนอะไรก็ไม่ค่อยจะพัง ใช้มาสี่ห้าปีก็ยังดูใหม่อยู่ แถมท้ายด้วยการรับประกันแบบ life time warranty และมีตัวแทนจำหน่ายในไทยก็ยิ่งทำให้การเคลมเป็นเรื่องที่ง่าย ทำความสะอาดง่าย เหมาะกับคนรักความสะอาด หน้าเสื่อไม่อมเชื้อโรคและความสกปรก มีขนาดใหญ่ทำให้เรามีพื้นที่ฝึกเยอะขึ้น ราคาเริ่มต้นสีดำที่ 5480 บาทก็ค่อนข้างแพง (ถ้าเป็นสีพิเศษอื่นๆ ก็จะราคาสูงกว่านี้) แต่ถ้าเทียบกับความคงทน ก็คุ้มอยู่นะ ใช้กันยาวๆ ข้อเสียคือ มันค่อนข้างลื่นเวลาโดนเหงื่อมากๆ ถ้าคนมองหาแมทที่หนึบมากๆ อันนี้อาจจะไม่แนะนำ

ใครหาข้อมูลของ black mat เพิ่มเรามีบล๊อกแยกอีกอันจ้า

รุ่น Pro Lite จะมีจุดเด่นที่ราคาไม่แพงมาก มีสีให้เลือกเยอะค่ะ รุ่นนี้จะทนทาน รับประกันตลอดชีพ แต่ลื่นกว่า Pro Mat นะ ขนาดใช้มาตั้งนานแล้ว ยังลื่นอยู่เลย แต่ว่าเคยไปใช้ของสตูอื่น ที่เค้าใช้ทุกวันมาสามสี่ปีแล้ว คือมันหนึบขึ้นเยอะเลย และสภาพมันดูใหม่มาก วัสดุมันทนมากจริงๆ

รุ่น Eko คือ รุ่นที่เราแนะนำ หลังจากได้ไปลองจับของคนอื่นมา เนื้อเสื่อคือ หนึบมือมากกกกกกกก ในความคิดเรา เราว่ารุ่นนี้น่าแนะนำให้ใช้มากที่สุด ของ Manduka มีความหนาให้เลือกสามแบบ 5mm, 4mm, 3mm ตามลำดับ

รุ่น 5 mm จะนุ่ม Support น้ำหนักได้ดี ติดว่า น้ำหนักเยอะมาก ถ้าจะพกไปเล่นสตูทุกวัน ก็หนักหน่อย 3.2 kg เคยแอบถือของรุ่นพี่ หนักอยู่มาก สำหรับสาวจิ๋วอย่างเรา แต่ว่ามันหนึบมากกกกกก รุ่นนี้เหมาะกับคนที่เหงื่อออกมาก และคนที่เล่นโยคะร้อน มั่นใจได้เลยว่า ไม่ลื่นไถลไปไหน

ส่วนความหนา 4 mm ก็โอเค ไม่ต้องเอาไปปูทับกับเสื่อที่สตูมี ใช้เดี่ยวๆ ได้เลย แต่ก็ไม่ค่อยนุ่มเท่าไหร่แค่นั้นเอง

ส่วนรุ่น  3mm เอาไว้เดินทางโดยเฉพาะ บางเจี๊ยบบบบ เอาไปปูทับเสื่อที่สตูเตรียมไว้ให้ได้เลย หนึบ มั่นใจ

ราคารุ่น 5 mm ที่ไทยประมาณ 4980 บาท, 4mm ราคา 3,680 บาท, ส่วนรุ่น 3mm (งดจำหน่ายแล้วจ้ะ)

รุ่นนี้ไม่รับประกันตลอดชีพนะจ๊ะ และข้อเสียอีกอย่างคือ เช็ด แล้วตากแดด ได้อย่างเดียวเท่านั้น ห้ามฉีดน้ำล้างจ้ะ

อีกอย่างคือ รุ่นนี้ถ้าเหงื่อออกเยอะๆ ต้อง 5mm เท่านั้นถึงจะเอาอยู่ 4mm พอเหงื่อออกมากๆ ก็มีลื่นบ้างเหมือนกัน

ถ่ายรูปของที่สตูมาให้ดู สตูนี้ใช้ Eko Lite 4 mm  พื้นผิวมันจะเหมือนเป็นหยาบๆ ริ้วๆ

สตูนี้เปิดมาประมาณหกเดือน เสื่อก็มีหมอง ตรงรอยริ้วๆ ก็มีจางหายไปเยอะ ถ้าเทียบกับของใหม่ ตรงไหนที่โดนเล็บจิก ก็มีแหว่งๆ บ้าง เราว่าเสื่อรุ่นนี้อายุการใช้งานก็น่าจะประมาณ 2-3 ปี

ข้อเสียอีกอย่างที่บางคนอาจจะไม่ชอบเลย คือ เสื่อนี้จะเหม็นเหมือนกลิ่นดินน้ำมัน อะไรแบบนี้ค่ะ เพราะทำจากยางพารา

รูปนี้ใช้ Eko Lite 4mm ค่ะ รุ่นนี้ดีจริงๆ นะ ทำ handstand นี่ทำได้อย่างมั่นใจ ไม่ลื่นชัวร์

ส่วนรุ่น LiveOn นี่เป็นรุ่นใหม่ของเค้า ทำมาในตลาดของราคาย่อมเยาว์ของผู้พึ่งเริ่มฝึกแรกๆ ที่ไทยยังไม่เข้าเลย แต่คิดว่า เป็นเสื่อที่เหมาะกับคนหัดเล่นแรกๆดีนะ

มีตารางเปรียบเทียบเสื่อรุ่นต่างๆ จาก Manduka แต่เราไม่เห็นด้วยตรง Slip Resistance เราว่ารุ่น Eko ควรจะได้ สี่ดาวนะ

แล้ว Eko SuperLite ก็ออกสีเขียวมินท์ออกมาอีก ทำให้เราโดนไปอีกหนึ่งผืน ในราคาประมาณ 2380 บาท จัดไปอีกผืน

คือรุ่นนี้มันดีตรงที่มันบางมากกกก เวลาไปกรุงเทพ ไปสตูไหนๆ คือ แบกไปนี่ไม่มีเสียใจภายหลังว่าไม่น่าพกแมตมาด้วยเลย ฮ่า มันบางเฉียบ สามารถพับๆ ใส่กระเป๋าไปได้เลย ไม่ทำให้พังค่ะ

แต่ความหนึบ ก็ไม่เท่ารุ่น Eko ธรรมดานะ อันนี้ถ้าเริ่มมีเหงื่อหยดเยอะๆ ก็จะเริ่มลื่นแล้ว ดังนั้นถ้าหวังว่ามันจะหนึบดีมากๆ ให้มองข้ามรุ่นนี้ไปค่ะ แต่ให้ในความเบา พกพาสะดวก โอเคเลย สำหรับคนที่พกไปฝึกตามสตูต่างๆ บ่อยๆ

จบกันที่ Manduka ไป ข้อดีของ Manduka คือ มีตัวแทนจำหน่ายในไทย ทำให้เวลาเคลมของ หรือการหาซื้อเป็นไปได้ง่าย นั่นก็คือ  Yoga Aum นั่นเองค่ะ

ส่วนยี่ห้อที่ถือเป็นแบรนด์เนมของโยคะ นั่นคือ  Lululemon ที่ถ้าใครใช้แบรนด์นี้ก็บ่งบอกเลยว่า แพง ทุกส่ิงอย่าง เสื้อผ้า กางเกง และเสื่อ แต่คุณภาพของเค้าต้องยอมให้จริงๆ แบรนด์นี้มาจากแคนาดา ไม่มีตัวแทน และในเว็บเค้าคือ ไม่ส่งที่ไทย ทำให้ของแบรนด์นี้ที่ปกติก็แพงอยู่แล้ว แพงมากขึ้นไปอีก

แต่เสื่อยี่ห้อนี้ คือเสื่อที่ครูของเราแนะนำ เราเคยลองจับของเพื่อนเรา โอ๊ะ ๆ มันช่างหนึบดีจริงๆ

ยี่ห้อนี้ต้องเป็น The Mat เลยคะ่

Lululemon the mat นี้วัสดุเป็นเนื้อยาง มีน้ำหนักประมาณ 2.5 kg หนักไม่มาก ความหนาก็ 5mm ซัพพอร์ตดี เรียกว่า รวมข้อดีทุกอย่างที่เรามองหา

ข้อเสียก็คือ ทำจากวัสดุยางพารา ทำให้อายุการใช้งานไม่มากเหมือน Manduka ค่ะ แต่ก็ถือว่า ทนนั่นแหละ ไม่พังง่ายๆ หรอก

หน้าเสื่อทำจากเนื้อยาง แต่พอเหงื่อออกนะ มันดูดซับเข้าไปเลย ทำให้ไม่ลื่น เวลาฉีดน้ำทำความสะอาดมันก็ดูดซับน้ำไปหมดเลย ดังนั้นรุ่นนี้ก็ฉีดน้ำทำความสะอาดไม่ได้นะจ๊ะ ทำได้เพียง เอาผ้าชุบน้ำเช็ด แล้วเอาผึ่งแดดจ้า ถ้าเลอะมากๆ ก็ให้เอาฟองน้ำชุบน้ำสบู่ลูบๆ ฉีดน้ำล้าง ตากแดดได้ค่ะ

อยากได้จังเลย The Mat สนนราคาที่เมืองนอกประมาณ สองพันกว่าบาทรวมส่ง แต่เนื่องจากเมืองไทยไม่มีตัวแทนจำหน่าย ต้องพึ่งคนหิ้วมา ซึ่งเสื่อมันหนักไง เค้าก็บวกราคากันเข้าไป ร้านหิ้วขายกันที่ 3900-4500 ค่ะ

ดังนั้นตัวนี้ ดีสุดคือ ฝากคนหิ้วมา แต่ก็ต้องเป็นคนที่สนิทกับและเต็มใจหิ้วของหนักๆ ให้เราซักหน่อยนึง

สำหรับ Lululemon the mat มีความหนา 5mm, 4mm, 3mm และ the unmat 2mm คือแบบ บางเจี๊ยบบบบ เอาไว้ปูทับกับเสื่อตามสตูเท่านั้น แต่เบาหวิวพกสะดวกมาก

ถ้าใครชอบนุ่มๆ ก็ต้อง 5mm แต่ว่าหนักมาก น่าจะเกือบสี่กิโล พกไปตามสตูก็หนักหน่อย สำหรับสาวตัวเล็กๆ ก็แนะนำ 4mm จะสะดวกกว่าจ้า

Lulu มี The Mat 3 mm เอาไว้พกพาด้วยนะ รุ่นนี้เราก็อยากได้เอาไว้พกพาล่ะ (ที่สำคัญคือมันมีสีเขียวมินต์ซึ่งเป็นสีออกใหม่ อยากได้ๆ ฮ่า)

และแล้วในที่สุดก็ได้มา เพราะเพื่อนสาวคนสวยไปเที่ยวสิงคโปร์แล้วหิ้วมาฝากเรา ฮูเร่!!

ช้อป Lululemon ที่สิงคโปร์ อยู่ที่ห้าง ION ค่ะ ราคาไม่แพงจากออสมากนะ เสื่อนี้ 2400 ค่ะ ราคารับได้มากๆเลย ฟินอ่ะ สวย มีความสุข อิอิ

จากการใช้ส่วนตัว คือ หนึบดีมากเลย ใครชอบเล่น arm balance, inversions ต้อง Lululemon เลยนะ มอบให้นางจริงๆ ด้วยหน้าสัมผัสแบบว่า มือไม่ขยับเลย เริ่ดสุด เหงื่อออก พอหยดลงไปบนแมท มันก็ซึมหายไปเลย จึงไม่ลื่นเลยค่ะ

แต่ถ้าเทียบกับ Liforme ก็ขอบอกว่า สัมผัสแรกที่วางมือลงไปจะพบว่า มันลื่นกว่า liforme นิดนึง แต่พอฝึกๆไปความรู้สึกที่ว่านี้จะหายไปค่ะ อย่าง liforme นี่หนึบตั้งแต่สัมผัสแรก

เสื่อนี้เราซื้อสีอ่อนมา เวลาเลอะอะไรก็เห็นชัดแถมเช็ดทำความสะอาดก็ไม่ค่อยจะออก ถ้าใครรักความสะอาดมากๆ ก็แนะนำสีเข้มๆ จะดูเลอะน้อยกว่านะ

ข้อเสียคือ เราว่าอายุการใช้งานคงไม่นานเท่าไหร่ ประมาณ  2-3 ปี พอๆ กะ Eko แถมพอใช้ไปมากๆ มันจะดูเยินๆ นิดนึงค่ะ

ข้อเสียอีกอย่างของ Lulu ที่เราเคยได้ยินจากคนอื่นคือ เวลา slide ตัวไปบนแมท บางทีมันจะเป็นเสียงเหมือนเสียงตด (ฮ่า) เวลาไปเล่นในสตูคนเยอะๆ คนจะเข้าใจผิดได้ว่าเป็นเสียงเราตดนะ ฮ่าๆๆๆ (เราก็เคยได้ยินเสียงคนข้างหน้าเหมือนกันนะ ตอนแรกก็คิดว่าเค้าตด จนเพื่อนเล่าให้ฟัง เลย อ้อ สงสัยเป็นที่แมท (หรือนางจะตดจริงก็ไม่ทราบได้ ))

กลับมารีวิวเพิ่ม หลังจากใช้ได้ไปประมาณปีกว่าสำหรับ Lululemon สภาพก็เป็นดังนี้ แท่นแท๊นนนน

สภาพเสื่อคือเยินค่ะ ฮ่าๆ ส่วนที่โดนขีดคือ จากที่เราไป teacher training อันนั้นเค้าให้ตีเส้นหน้าเสื่อ ไม่เกี่ยวกันนะคะ ให้ดูเนื้อที่โดนเล็บบ่อยๆ ส่วนที่เลอะๆ ส่วนมากก็ขัดไม่ออกแล้วค่ะ กระดำกระด่าง บ่งบอกถึงการใช้งานที่หนักหน่วง

รุ่นใหม่ๆ ของ Lululemon The Mat นี่เค้าพัฒนาเป็น Reversible Mat ที่สามารถใช้ได้สองด้านแล้วนะคะ ด้านนึงก็เป็นเหมือน The Mat ปกติ ส่วนด้านหลังจะเป็นเนื้อแบบด้านๆ อีกอย่างนึง ที่สามารถจะใช้ได้ แต่เราว่าคนส่วนใหญ่ก็ไม่เลือกที่จะใช้กันซักเท่าไหร่มาค่ะ

นอกจากสามยี่ห้อนี้ก็ยังมียี่ห้อ กีฬา อย่าง Nike, Reebok ที่ราคาประมาณพันกว่าบาท แต่บอกได้เลยว่า ลื่นค่ะ ไม่แนะนำ

มีอีกยี่ห้อมาเพิ่มเติม คือ อันนี้ยังไม่ได้ซื้อ แต่ก็เล็งๆ ไว้เพราะเร่ิมอยากได้ เลยเอาข้อมูลที่เริ่มหาๆ เก็บไว้มาแชร์ไว้ก่อนนะจ๊ะ

เสื่อที่ว่านี้ก็คือ Liforme ที่กำลังมาแรงแซงโค้ง

Liforme เป็นแมตสัญชาติอังกฤษ คือ ราคาแพงมากนะ ที่ไทยร้านหิ้วขายกัน 5xxx บาท (update price) ที่อังกฤษเองก็ประมาณ หนึ่งร้อยปอนด์ แล้ว ราคาแพงมากกกกกกกก (ถ้าสีปกติเริ่มที่ 100ปอนด์ แต่ถ้าเป็นสีพิเศษเช่นสีขาว ก็จะราคาอยู่ที่ 115 ปอนด์)

แล้วเราก็ได้มา สีฟ้าอ่อน 4.2 มิล ได้มาที่สนธิราคา 6400 บาท เลือดนี่ไหลซิบๆ มันแพงหยั่งงี้ แต่ต้องรู้ให้ได้ว่ามันดีจริงรึเปล่า

มาถึงก็ขอเจิมเป็นศิริมงคลให้กับการฝึกของตัวเองด้วยการวาดนกลงไป ฮ่าๆ (ไม่แนะนำให้ทำตามนะคะเพราะพอไปโดนบ่อยๆมันก็ลอกอ่ะนะ)

ตอนนี้มีออกมาสองรุ่น คือรุ่นธรรมดา กับรุ่น Travelling mat แบบบาง รุ่นธรรมดาจะหนา 4.2 มิล หนัก 2.5 กิโล มาพร้อมกระเป๋าสะพาย

ความหนา ถือว่าหนานุ่มใช้ดี และน้ำหนักเบาเลย สองในหนึ่ง ส่วนแบบบางก็จะบางและเบาขึ้นไปอีก แต่ราคาก็เบามากกว่าเดิมไม่เท่าไหร่นะ ที่อังกฤษ 85 ปอนด์อยู่ดี มีสเปคมาให้ดูตามนี้ค่ะ

หนา 4.2 มิล ที่น้อยกว่า Lululemon the Mat 5mm แต่พอมือกดลงไปแล้ว มันไม่บางเลยนะ หยุ่น รับน้ำหนักดี ซึมซับแรงกระแทก ทำให้บาดเจ็บข้อมือน้อยลง

วัสดุของเค้าเป็นลิขสิทธิ์ ใช้ชื่อว่า Gripforme คือรับประกันว่าหนึบมาก แม้เหงื่อออกเยอะ เท่าที่ลองดู คือ นุ่ม หนึบกว่า ถ้ามีทุนทรัพย์ก็แนะนำนะ แต่ว่าในราคาที่แพงกว่าเกือบครึ่ง ก็ต้องคิดก่อนนิดนึง แต่ถ้าเทียบกันคือ ดีกว่า LuluLemon ล่ะ อันนี้เทียบให้ดูนะคะ สีเขียวคือ Lululemon เทียบกันแล้ว ลูลู่ลื่นกว่า เหมือนเนื้อมันจะแห้งๆ กว่า แต่ Liforme นี่ หนึบตั้งแต่สัมผัสแรกเลยค่ะ ยอมนะ ดีกว่าจริง

สิ่งที่ทำให้ liforme ต่างจากแมทอื่นๆ คือ จุดวางเท้าต่างๆ บนเสื่อ ที่เค้าเรียกว่า AlignForme บนหน้าเสื่อ เป็นจุดมาร์กเพื่อใช้ในการก้าวเท้า จุดศูนย์กลางต่างๆ

ตัวอย่างในการใช้จุดเพื่อจัด Alignment

แต่สิ่งที่ทำให้เราอยากได้ Liforme มากสุดไม่ใช่อะไรหรอกนะ แต่เป็นการที่เห็นคนดังต่างๆ หันมาใช้กันเพียบ ไม่ว่าจะเป็น Kino Macgregor หรือ Dylan Werner ว๊าก ขวัญใจทั้งนั้น

พอได้ทดลองใช้ คือ ซับเหงื่อดีม๊ากกกก ตอนแรกเปียกเลย เราหันไปเข้าห้องน้ำ หยิบกล้อง แป๊บเดียวเริ่มแห้ง ซึมเข้าไปละ

วิธีทำความสะอาดเค้าแนะนำให้แค่ผ้าชุบน้ำเช็ด แล้วก็วางราบผึ่งลมให้แห้ง ซึ่งจริงๆ แป๊บเดียวแห้งนะ

เค้าไม่แนะนำให้เอาไปพาดราว หรือตากแดด เพียงแค่ให้วางราบไปกับพื้นแบบนี้ก็พอแล้ว

แป๊บเดียวก็แห้ง ปิ๊ง เหมือนใหม่

อย่างเดียวที่แมทนี้ไม่ชอบ คือ น้ำมัน! ดังนั้นอย่าทาครีม ทาโลชั่นที่มันๆ ก่อนฝึกนะ เราว่ามันจะทำให้แมทพังเร็ว รอยนี้เกิดจากบีบีครีมที่เราไม่ได้ล้างหน้าก่อนฝึก พอหน้าแนบลงไป ก็เป็นอย่างที่เห็น เช็ดไม่ค่อยออกด้วย แล้วก็ไม่ควรใช้สเปรย์ทำความสะอาดอะไรเลยนะ แค่ผ้าชุบน้ำเช็ดก็เพียงพอแล้วล่ะ

ให้สามคำเลยนะ กับแมท Liforme “เจ็บ แต่ จบ”

เรียกว่าถ้ามีทุนทรัพย์ ฝึกบ่อย ใช้งานหนัก ต้องการถนอมข้อมือ ไม่เดือดร้อน ก็แนะนำนะ การลงทุนให้กับสุขภาพข้อมือของตัวเอง ก็เป็นเรื่องที่สมควร เราว่าดีกว่าซื้อกางเกงแพงๆ อาจจะได้แค่สองตัว แต่แมทมันดีกับสุขภาพข้อมือเลยหล่ะ

ความคงทน แมทนี้จะทนหรือไม่ทนก็แล้วแต่การใช้งานของเรา ถ้าเราใช้งานหนัก ก็เสื่อมเร็ว ถ้าเราเหงื่อเยอะ มันก็พังเร็วเป็นของธรรมดาค่ะ ใช้ให้คุ้มค่าจะดีที่สุด

มาดูกันค่ะ หลังจากการใช้งานไปประมาณ 4 เดือนค่ะ เริ่มเยินบ้างค่ะ รอยเล็บอะไรๆ พวกที่โดนเมคอัพ น้ำมันนี่ เช็ดไม่ค่อยออกนะคะ อันนี้เราต้องทำใจว่า เสื่อพวกนี้อายุการใช้งานไม่นานมากค่ะ แต่ตอนที่ใช้คือ ให้คุณภาพสัมผัสที่ดีเยี่ยม

Update ตอนนี้ Liforme รุ่นใหม่ไม่มีสัญลักษณ์โอมแล้ว มีสีใหม่ออกมามากมาย ลายต่างๆ ประจำปีก็มี สีใหม่ล่าสุดสีขาว ตอนใหม่ๆ สีขาวนี่คงสวยน่าดู แต่ใช้ๆ ไปก็น่าจะดำน๊า ต้องดูแลดีมากๆ

แล้วเราก็ได้ของใหม่มาเพิ่มอี๊กนั่นก็คือ easyoga Breathin’ Space Pro Mat จากไต้หวันนนนนนน

แบรนด์ easyoga เป็นแบรนด์จากไต้หวันจ้า เสื่อนี้ก็ made in Taiwan มาดูคุณสมบัติก่อนเลยน๊า

เสื่อ breathin’ space เป็นเสื่อ ยาง 70% ผสม PU (PolyUrethane) 30%

ขนาด 186 cm X 66 cm ความหนา 4.2 mm น้ำหนัก 2.67 กิโลจ้า

เสื่อประเภทนี้ต้องถนอมซักนิดนึงนะ เค้าห้ามเอาไปตากแดด ให้ผึ่งในที่แห้ง อย่าเอาไปไว้ในที่ที่ร้อนจัด แล้วก็ก่อนใช้ครั้งแรกให้เช็ดแล้วผึ่งเล็กน้อยกลิ่นใหม่จะได้จางหายไป แต่ส่วนตัวบอกเลยว่ากลิ่นน้อยมากเลยตัวนี้

แกะๆ กางๆ ออกมาเลย เป็นสีเทาดำ เรียบๆ ดี เหมาะกับผู้ชายด้วยนะ แต่ก็มีลายดอกไม้นิดนึง ซึ่งเราว่าก็ไม่ได้หวานมากอะไรนะ มีเส้นคั่นตรงกลาง และดอกไม้จุดสัญลักษณ์กึ่งกลางแมท เอาไว้เป็นเส้น alignment ของเราได้

ลายดอกไม้ก็เป็นโลโก้ของ easyoga น่ารักปนเรียบเท่ห์

สิ่งที่น่าประทับใจมากของแมทตัวนี้คือ ความหนึบ มันหนึบมากจริงๆ ส่วนตัวบอกได้เลยว่าหนึบกว่า liforme

แมทนี้ไม่ได้มาพร้อมกระเป๋า จะมีแค่สายรัดแมทแบบนี้แถมมาให้

พูดถึงผิวสัมผัสนะ ถึงแม้ว่าจะหนาแค่ 4.2 มิล แต่ด้วยความที่มันนุ่ม มันจึงซัพพอร์ตข้อมือได้ดีในการทำ arm balance ต่างๆ เรารู้สึกได้ว่า มันช่วยลดอาการบาดเจ็บได้ แต่ส่วนนี้ต้องแล้วแต่คนด้วย บางคนที่เคยคุยเค้ามีปัญหาเข่า เค้าก็ว่าพวกเสื่อ 4.2 mm มันบางไปสำหรับเค้า อันนี้แนะนำให้ลองด้วยตัวเอง แต่สำหรับส่วนตัวคิดว่ามันโอเคแล้ว และก็ไม่หนักมาก สามารถหอบไปไหนมาไหนได้ อันเดียวจบ แบบไม่หนักเกินไป ถ้าพวกเสื่อ 5 มิลนี่จะหนักมาก เราว่าอันนี้พอดีกว่า

และด้วยความที่มันหนึบมาก มันก็ลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุต่างๆได้มาก เนื้อของ easyoga อันนี้คือ จับลงไปนี่หนึบติดมือ ถูไปข้างหน้าไม่ไปเลย อย่างท่าที่ต้องการความหนึบมากๆ เช่น handstand นี่วางใจได้เลย  อย่างท่าคุกเข่า เช่น kapotasana นี่ คือ เข่าไม่มีแยก ไถลออกข้างเลย เราว่ามันดีมากจริงๆ แต่ก็ต่างคนต่างความคิด บางคนก็อาจจะบอกว่าแบบนี้หนึบไป ถ้า jump through ยังใช้การสไลด์ช่วยให้จัมพ์ผ่านไปได้ อาจจะบอกว่าอันนี้หนึบไปก็ได้

เปรียบเทียบกันไปเลยแล้วกัน หลายคนจะได้หายสงสัย

liforme เนี่ย ถ้าเอามือแปะลงไป แล้วถูไปข้างหน้า จะมีความลื่นมือเล็กน้อย ถ้ามือเราแห้ง คือยังลูบมือไปข้างหน้าได้

แต่ easyoga นี่ หนึบมาก แปะมือลงไปยังกะโดนแมทดูด ถูไม่ค่อยไป

เรื่องความต้องการความหนึบขนาดไหนต้องถามใจตัวเองดู

นี่คือความหนา 4.2 มิล เราว่ามันโอเคนะ

เทียบความหนาไปเลย บนสุด easyoga อันที่ สองเป็น liforme อันล่างสุดคือ Manduka Pro Lite 5mm จะเห็นว่า อัน  5 มิลก็หนาต่างกันนะ แต่ด้วยความที่แมท 5 มิลจะไม่นุ่มเท่าแมทสองอันด้านบน การ support  ก็ต่างกันเล็กน้อย อันนี้แนะนำให้ลองด้วยตัวเองกันเพราะแต่ละคนก็มีความต้องการที่ต่างกันจ้า

ความกว้างนี่สามแมทนี้เท่ากันหมด ส่วนความยาวก็ easyoga  ยาวสุด แต่จริงๆก็ยาวกว่า liforme แค่จิ๊ดเดียว ส่วน manduka pro lite สั้นสุด

ความหนึบสะใจนี่เทใจให้เลยนะ ส่วนข้อเสียของแมทนี้พูดตรงๆ เลยนะ ก็คือด้วยความที่มันหนึบ และเหนียว มันก็จะดูดฝุ่นเข้าไปติดได้ดีมาก และมันเป็นสีดำ มันจึงเห็นความสกปรกค่อนข้างชัดเจน ในรูปนี้คือแค่เดินออกจากแมทไปแป๊บเดียว บนพื้นสะอาด กลับมาก็อย่างที่เห็นจ้า ดูดฝุ่น ดูดแป้งไปติดบนแมทได้ดีและเห็นชัดมาก

และแมท PU  นี้ไม่ถูกกับน้ำมันจ้า ดังนั้น ลิปมัน ครีมกันแดดต่างๆ บอดี้ออย ไม่ควรใช้น๊า เพราะเวลาเลอะไปบนแมทจะเช็ดไม่ค่อยออก ควรล้างมือก่อนฝึก อย่าใช้น้ำผสมน้ำมัน น้ำยาเช็ดแมทอะไรฉีดไปบนเสื่อพวกนี้จ้า แค่ผ้าชุบน้ำเปล่าก็เพียงพอแล้ว

แมทพวกนี้จะมีอายุการใช้งานที่ไม่นานมาก ยิ่งใช้บ่อย ยิ่งเหงื่อเยอะ ยิ่งพังเร็ว (ทั้ง easyoga , liforme) เราตีไปว่า 1-2 ปี แล้วแต่การใช้งาน ปีนึงถ้าใช้เกือบทุกวันนี่ก็เริ่มจะเยินมากแล้ว ดังนั้น ซื้อแมทพวกนี้ไปต้องทำใจก่อนว่า ซื้อมาเพื่อคุณภาพในการใช้ เมื่อครบกำหนดก็ต้องซื้อใหม่ ถ้าอยากได้พวกที่ทนทาน ใช้ได้นานเป็น 6-10 ปีนี่ก็แนะนำเป็นพวก Manduka Pro lite, Black mat ไปเลย

สภาพหลังการฝึก แมทพวกนี้จะดูดซึมซับเหงื่อของเราไปในแมท ก็เรียกได้ว่า ไม่ควรแชร์แมทร่วมกับใคร รวมไปถึงไม่เหมาะที่สตูจะซื้อไปให้ใช้เป็นแมท public

วิธีทำความสะอาดก็ใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ เช็ดให้สะอาด แล้ววางราบกับพื้นผึ่งลมให้แห้ง ไม่ต้องเอาไปพาดกับราวตากผ้านะคะ

พอแห้งแล้วก็สะอาดเหมือนใหม่

สนนราคา เสื่อนี้ ขายโดยตัวแทนในไทย คือ โยคะโอมค่ะ ราคา 5,580 บาท ราคาสูงเลยทีเดียว ถ้าเทียบกับ liforme (ราคาหิ้ว) แต่ถ้าซื้อตอนที่เค้ามีโปร ลด 10% ก็เหลืออยู่ที่5,022 บาท เราว่าโอเคนะ ข้อเสียคือ ไม่มีถุงใส่แมทให้ล่ะ ถ้าไม่มีถุงก็อาจจะต้องซื้อเพิ่มเพราะแมทแบบนี้ก็ควรอยู่ในถุงเพราะมันพังง่ายจ้า

ข้อดีของการที่มีตัวแทนในไทยคือ เราสามารถไปลองๆจับๆได้ นะ ลองไปจับดูเทียบหลายๆรุ่นที่ช๊อปเค้าได้เลย ชอบไม่ชอบค่อยว่ากัน

ตอนนี้ easyoga breathin’ space mat มีออกมาใหม่อีกสองสีคือชมพูและฟ้าด้วยน๊า

 

สรุปเลยนะคะ ส่วนตัวที่ได้ทดลองใช้แมทนี้มา เราว่ามันดีมากนะ หนึบสุดๆเลย เหมาะกับคนที่ชอบทำ arm balance, inversion ท่ายากๆทั้งหลายที่ใช้ข้อมือเยอะๆ เพราะมันนุ่มหนึบ และซัพพอร์ตข้อมือดี ที่ชอบอีกอย่างคือความเรียบๆ เท่ห์ๆ ของดีไซน์ ไม่ซ้ำแบบใครดีด้วย ข้อเสียที่ไม่ชอบคือ มันดูดสิ่งสกปรกเข้ามาง่ายและเห็นได้ชัด ราคาก็ค่อนข้างสูงนิดนึง แนะนำให้ซื้อช่วงที่มีโปรค่ะ

ใครสนใจก็ลองเข้าไปดูที่ช๊อปของ โยคะโอม ได้เลยน๊า ไปลองๆจับๆดูก่อน แล้วค่อยตัดสินใจอีกทีว่าอันนี้ เป็นแมทที่เหมาะกับเรารึเปล่าจ้า

ต่อไปเป็น Manduka GRP ได้ยินว่าเป็นรุ่นที่ทาง Manduka ใช้เวลาในการพัฒนาขึ้นมาถึงสามปี เพื่อที่จะให้ได้เสื่อที่มีคุณภาพดีแถมคุณสมบัติไม่ซ้ำใคร เราไปดูกับรุ่นนี้กันเลยค่ะ Manduka GRP

ขนาดของเสื่อเรียกว่ามีขนาดใหญ่ทีเดียว เทียบเท่ากับรุ่น Pro หรือ แบล๊คแมตเลยทีเดียว

66cm x 180cm, 6mm

มีความหนาที่ 6 มิล เค้าบอกว่าหนัก 2.5 kg แต่เราแอบคิดว่าหนักกว่านั้นนะ

จุดเด่นคือหน้าสัมผัสที่เป็นคล้ายๆลายหนัง ที่จะมีความเรียบแห้ง แต่พอโดนน้ำ น้ำจะดูดซึมเข้าไปที่ layer 2 ที่เป็นชั้นยางผสม charcoal ช่วยดูดซับกลิ่นและสิ่งสกปรก ทำให้หน้าแรกไม่ลื่น และไม่สะสมเชื้อโรค

ส่วนตัวเท่าที่ได้ใช้มาหลายเดือน คิดว่ารุ่นนี้ก็เจ๋งดีนะ คือ มีความคิดค้นให้ออกมาไม่เหมือนใครได้ ทั้งๆ ที่เสื่อโยคะในตอนนี้มีหลากหลายรูปแบบมาก ชอบไอเดีย และก็การคิดค้นทำให้มาลบข้อเสียของแมตบางอัน ชูจุดเด่นบางอย่างที่ผู้ใช้ต้องการ

เราว่าแนะนำคนที่กึ่งๆ ชอบแบล๊คแมต แต่ว่าอยากให้มันหนึบขึ้น ชอบแบบ liforme แต่ว่ากลัวแบคทีเรียสะสมในแมต รุ่นนี้เป็นรุ่นที่ออกมาตอบโจทย์ความต้องการดังกล่าว

หน้าเสื่อรุ่นนี้จะปั๊มลายเหมือนลายเครื่องหนัง ให้ความรู้สึกหรูนิดๆ จับหน้าไปสัมผัสแรกมันจะแห้ง ไม่เหมือนพวก liforme  ที่มันจะหนึบมากๆ ออกไปทางเหนียว บางคนที่ไม่ชอบเสื่อที่มันเหนียวมากๆ แต่ว่าใช้ๆไปก็ยังหนึบ เราว่ารุ่นนี้ดีเลยล่ะ

ทดสอบฉีดน้ำ เมื่อโดนน้ำ น้ำจะซึมเข้าไปในเสื่อ ไม่ซึมทันทีเหมือน liforme มันจะมีช่วงเวลานิดนึง ซึมช้ากว่า แต่ก็โอเคนะ ไม่ลื่น สำหรับเรา

สิ่งที่ชอบที่สุดของรุ่นนี้คือ หนานุ่ม มันหนาตั้ง 6 มิล พวกท่ากลิ้งนี่คือ นุ่มหลังดี ซัพพอร์ตดีมากๆ

ข้อควรระวังของรุ่นนี้คือ บางผืน ย้ำว่าบางผืนเท่านั้น ที่ defect เพราะเป็นรุ่นที่ผลิตมาใหม่ ตอนซื้อให้ตรวจดูตามขอบว่าเป็นแบบในรูปนี้หรือไม่ คือ หลุดร่อนออกมา บางจุด ให้เคลมเปลี่ยนทันที ทางโยคะโอมบอกว่า เคลมได้ค่ะ ดังนั้น อย่าลืมเช็คนะ

ข้อสรุปของเราสำหรับรุ่น GRP

*หนานุ่มดี หนาตั้ง 6 มิล ซัพพอร์ตดีมาก

*หน้าสัมผัสเป็นแบบดูดซึมเหงื่อเข้าไปข้างใน ทำให้มีความหนึบ คนเหงื่อออกเยอะก็ใช้ได้สบาย

*มีชั้นในเป็นคาร์บอนทำให้ดูดซับกลิ่นเหงื่อ แบคทีเรียได้ดี เหมาะกับคนที่กังวลเรื่องความสะอาด ทำความสะอาดง่ายกว่าแบบ liforme

*ผิวหน้าเป็นยางพาราปั๊มลายหนัง สัมผัสจะไม่หนึบไม่เหนียวเหมาะกับคนที่ไม่ชอบเสื่อที่มันเหนียวๆเกินไป

*น้ำหนัก เค้าบอก 2.5 แต่เราว่าหนักกว่านั้น หนักมาก คนตัวเล็กแบกไปสตูไม่ค่อยไหว

*ราคาพอรับได้ 4,880 บาท ถ้ารอลด หรือใช้โค๊ดลด 10% เหลือ 4,392 บาท ถูกกว่าพวกแมตที่มีคุณสมบัติคล้ายๆ กันอยู่ แถมได้แบรนด์

*บางตัวเป็น defect ที่ขอบหลุด ซื้อเสร็จให้เช็คให้ดีก่อน ถ้ามีให้รีบเปลี่ยน

 

แนะนำให้ไปลองจับก่อน ว่าชอบมั๊ย ที่ yogaaum ได้เลย ถ้าใครสนใจสั่งซื้อใช้โค๊ด BEAU10 เพื่อรับส่วนลด 10% จ้ะที่

http://www.yogaaum.com

ต่อมาก็มาถึงแบรนด์น้องใหม่อย่าง Dwinguler จากเกาหลีใต้จ้า

เราอาจจะไม่คุ้นเคยนักกับแบรนด์ Dwinguler ในโลกโยคะ แถมรีวิวอะไรต่างๆ ก็หาไม่ค่อยได้เลย เพราะเค้าพึ่งออกมาใหม่ๆ สดๆ

ถ้าพูดถึงแบรนด์ Dwinguler เราจะคุ้นเคยในฐานะผู้ผลิต Play mat ของเด็กอ่อนกันซะมากกว่า

เค้าผลิตเสื่อคลานหรือ play mat ให้เด็กเล็ก โดยคำนึงถึงวัสดุที่ eco friendly และ ปลอดภัยกับเด็กมากๆ เด็กใช้ได้ปลอดภัยไม่มี toxic ไม่มี BPA

ดังนั้นเสื่อโยคะของเค้าก็พัฒนามาจากหลักการเดียวกัน นั่นคือ เสื่อโยคะที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แถมปลอดภัยกับเด็กม๊ากกกกก เหมาะสำหรับโยคีคุณแม่มือใหม่เป็นที่ซู๊ดดด

เสื่อรุ่นนี้จะออกมาสามสีมี สีฟ้า ชมพู ม่วง โบว์ได้สีฟ้ามาลองใช้

ขนาดของมันก็เป็นจุดเด่นอย่างนึง เพราะขนาดยาว 180 cm หน้ากว้าง 65 cm แต่ว่าหนักเพียงแค่ 2.5 kg เองอ้ะ เหมาะกับการแบกไปสตูเป็นอย่างยิ่ง มันเบามากนะ (อย่าง liforme หรือ black mat ก็ สี่โลกว่าไปแล้ว) นับว่าโอเคมากๆนะ

หน้าเสื่อก็จะเป็นแบบนี้

วัสดุหน้าเสื่อเค้าออกแบบมาเป็นแบบผ้าทอมีเคลือบกันน้ำพิเศษ ช่วยป้องกันน้ำ เหงื่อ สิ่งสกปรกเข้าไปแทรกในแมททำให้ทำความสะอาดง่าย จะเอาไปทะเลหรือเอาไปไหนก็ทำความสะอาดง่าย

มีโครงสร้างตามนี้เลย ข้างบนเป็นผ้าทอ เคลือบ ด้านในเป็นชั้นโฟมแบบยืดหยุ่น และแบบนิ่ม เวลาจับลงไปจะนุ่มมือ รู้สึกว่ามันซัพพอร์ตข้อมือได้ดี เข่านี่ดีมาก วางไปไม่มีเจ็บเลย

ข้อเสียคือ การที่มันกันน้ำมาก ดังนั้น น้ำก็จะจับตัวอยู่บนหน้า เหงื่อออกก็คือ มันลื่นปรื้ดเลย เหมาะกับคนที่เหงื่อไม่เยอะมาก หรือถ้าจะใช้ผ้าปูทับไปอีกชั้นก็ได้ ถ้าใครจะสะดวกนะ

ความหนานุ่มถึง 6 มิล ถ้าใครเสาะหาเสื่อที่ซัพพอร์ตข้อมือ เข่า ได้ดี รุ่นนี้คือ ดีมาก

ตอนแรกมีความรู้สึกว่า คล้ายๆ Manduka pro lite เลยเอามาเทียบกัน ไม่เหมือนนะ มันต่างกันนิดนึง ของ Dwinguler จะมีความรุ้สึกเหมือน  play mat ของเด็กด้วยนิดๆ เหมือนจะกันน้ำมากกว่า นุ่มมือกว่า แต่ของ Manduka (ที่ใช้มาสองปี) จะหนึบกว่านิดนึง

ไม่แน่ใจว่า ถ้าใช้ๆ ไป เคลือบหน้าของเสื่อจะหายไป แล้วทำให้เสื่อหนึบขึ้นหรือไม่ เหมือนของ Manduka ที่เคลมเรือ่งนี้มาก ถ้าใครรีบก็สามารถทำ break in หน้าเสื่อได้ อันนี้ต้องลองใช้ต่อเนื่องไปก่อน

ความหนา ก็หนากว่าของ manduka นิดนึง เค้ามีส่วนด้านล่างที่เหมือนจะซึมซับแรงกระแทกได้ดีกว่านิดนึงด้วย

ส่วนตัวได้ลองใช้ฝึกแล้ว จะบอกว่า ท่าที่วางเข่า วางข้อมือนะ ดีมากๆ เลย มันนุ่มมาก ไม่รู้สึกถึงพื้นเท่าไหร่เลย ดีงาม ใครที่มีปัญหาเรื่องเข่า เราว่ารุ่นนี้ดียยยยย์

ส่วนท่าที่ใช้ข้อมือ พวก arm balance, inversion ถ้าเหงื่อไม่เยอะ ก็ไม่เป็นปัญหาเท่าไหร่ แต่ถ้าเหงื่อเยอะก็อาจจะลื่นได้เหมือนกัน ดีในแง่ของการซัพพอร์ตข้อมือ

จุดเด่นที่เค้าชูเลย คือ non toxic และ eco friendly ดังนั้นจึงปูวางในบ้านไว้เลยได้อย่างมั่นใจกับลูกน้อย ทำความสะอาดก็ง่าย จะปูวางไว้เลยให้ลูกใช้คลานก็ยังได้

แถมไม่แพงนะ รู้สึกจะประมาณ 2xxx

สรุปเลยละกัน

** เสื่อยาวดี หนา นุ่มมาก น้ำหนักเบาที่ 2.5 kg แบกสบาย ราคาไม่แรง แค่ 2xxx บาท ซัพพอร์ตเข่าและข้อมือได้ดี ลื่นนิดหน่อย ไม่เหมาะกับคนเหงื่อมาก ยกเว้นหาผ้ามาปูรอง วัสดุคุณภาพดีไว้ใจได้ ไม่ toxic

สนใจติดต่อที่ Nella Yoga

นอกจากนี้ยังมียี่ห้ออย่าง Jade Yoga อีก ที่เราเคยจับๆ ดูก็พบว่า ใช้ได้นะ แต่ดีไซน์อาจจะไม่โดนใจเรา เราเลยไม่ค่อยได้หาข้อมูลค่ะ เนื้อจะเป็นแบบนี้ ถ้าเทียบกับ Manduka

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เสื่อก็เป็นแค่อุปกรณ์อย่างหนึ่ง ที่เป็นแค่ตัวช่วยให้การฝึกเป็นไปได้อย่างปลอดภัย มั่นใจมากขึ้นเท่านั้น ส่วนการฝึกจะก้าวหน้าแค่ไหน ขึ้นอยู่กับตัวเรา และวิธีที่เราเลือกฝึกค่ะ หากอยากเก่งขึ้น และได้ผล ได้ร่างกายที่แข็งแรง มีการฝึกที่พัฒนาขึ้น ก็ต้องหมั่นฝึกทุกวัน

สุดท้ายก่อนจบนะ มีคนมากมายเข้ามาถามเราว่าอันไหนดีที่สุด เราบอกได้เลยว่า เราตอบแทนไม่ได้ เพราะแต่ละคนมีความต้องการ มีความพึงพอใจแตกต่างกัน บางคนอาจจะอยากได้แมทหนึบมากๆ ราคาไม่เกี่ยง อายุการใช้งานไม่เกี่ยง บางคนซื้อแมทหนึบมากไป สรุปว่า อายุการใช้งานแค่สองปี ก็ไม่พอใจ บางคนอยากได้แมทที่ทน ไม่พังง่าย ใช้กันยาวๆ บางคนรักความสะอาดมาก แมทเลอะเช็ดยากไม่ชอบ เป็นต้น ดังนั้นก่อนซื้อก็อ่านข้อมูลกันให้เยอะๆ ถามตัวเองว่า ตัวเองมีความต้องการแบบไหน อะไรคือสิ่งที่สำคัญสำหรับตัวเอง แล้วก็เลือกแมทที่ตรงกับความต้องการของตัวเอง จะดีที่สุดจ้า

หวังว่าบล๊อกนี้จะเป็นส่วนช่วยให้เพื่อนๆ ที่กำลังมองหาเสื่อคุณภาพดีที่เหมาะกับตัวเรามากที่สุดนะคะ ขอให้ทุกคนมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงค่ะ