ARGANNA น้ำมันอาร์แกน น้ำมันบาร์บารี่ และ Lava Clay Mask คือมันดีแฮะ
นาทีนี้ อะไรๆ ก็ธรรมชาติและ Organic พอพูดถึงธรรมชาติและ Organic ก็จะขาดน้ำมันอาร์แกนออยล์ไปไม่ได้เลย ในวงการของเครื่องสำอาง วันนี้มีของจากแบรนด์ Arganna มารีวิวกัน บอกเลยว่า เพื่อนส่งมาให้ลอง เพื่อนย้ำแล้วย้ำอีก ว่า ใช้ดีมาก อยากให้ลองใช้ ส่งมาเพียบ เราลองใช้มาหลายเดือนละ เออดีจริงนะ อยากมาบอกต่อกัน
วันนี้จะมารีวิวตามนี้จ้า 4 ตัวที่เราใช้แล้วชอบ
ตัวแรกที่เราชอบม๊ากกก ที่มารีวิวนี้คือ ใช้หมดแล้ว หยดสุดท้ายนี้ คือเอามารีวิวจ้า ฮ่า คือ เจลล้างหน้า เฮ้ย ดีมากกกกกก ชอบสุดๆ
เจลล้างหน้าตัวนี้จะเป็นแบบ สูตรอ่อนโยนมากๆ มันจะมีกลิ่นหอมมมม คาร์โมไมล์ หอมม้าก อ่อนๆ ชอบ รู้สึกได้ว่าอ่อนโยน
ฟองน้อย ล้างแบบ เบาๆ ถ้าวันไหนแต่งหน้า ก็ใช้ Cleanser เช็ดก่อนที่จะล้างเจล ก็สะอาดนะ จบ
อ่านที่แบรนด์บอกคือ ตัวนี้เป็นสูตรอ่อนโยนสำหรับคนผิวแพ้ง่าย มีส่วนผสมของลำต้นบาร์บารี่ (ตะบองเพชร) และ Aloe Vera และก็มีส่วนผสมของ น้ำมันอาร์แกนด้วยนะ
ตัวนี้ราคา 450 บาทจ้า
เนื้อจะเป็นเจลใสๆ ฟองน้อย หอมอ่อนๆ อ่อนโยนดีจริงๆ
ตัวต่อไปที่เราชอบ นั่นก็คือ Lava Clay คือเค้าจะเรียกกันว่า Rhassoul หรือ ราซซูล (แปลว่า การชำระล้าง) เป็นโคลนลาวาที่ได้มาจาก เทือกเขาแอลป์ เมืองเฟส ในโมร๊อคโค กระปุกมาเป็นไม้ๆ แบบนี้ น่ารักเชียว ราคาไม่แรง 450 บาท
มันก็จะเป็นผงๆ แบบนี้ เอามาใช้ผสมน้ำ พอกหน้า เราว่าโคลนตัวนี้มัน Born to be กับน้ำมันอาร์แกน
ความเห็นส่วนตัวเลยนะ คือ เวลาใช้ออยล์ทาหน้าไปนานๆ บางทีจะรู้สึกเหมือนหน้าหมองๆ คิดไปเองหรือเปล่าไม่รู้ พอใช้ ราซซูล อาการที่ว่านี้หายไปเลย หน้าใส ไบรท์มาก เหมือนผิวหน้าดูดซึมสกินแคร์ได้ดีด้วย
แต่ถ้าไม่ใช้ออยล์แล้วมาใช้ราซซูล หน้าจะแบบแดงม้ากกกก ครั้งแรกที่ใช้ ยังไม่ได้ใช้ออยล์ ผิวแดงอ่ะ แต่พอใช้ออยล์ไป ควบคู่กะมาส์กอันนี้ คือ ไม่ค่อยแดงแล้ว กำลังดี เออแปลกดี อันนี้ ความเห็นส่วนตัวเรานะ
วิธีใช้ก็ผสมน้ำนิดๆ จะกลายเป็นโคลน
สำหรับผิวแห้งเราแนะนำให้ผสมน้ำผึ้งไปด้วยช้อนนึง จะดีกว่า
เราพอกให้ดูครึ่งซ้ายผสมน้ำผึ้ง ครึ่งขวาคือน้ำเปล่าอย่างเดียว ครึ่งที่ผสมน้ำผึ้ง มันจะเย็นๆ ผิวเย็นๆฉ่ำ ไม่แห้ง ไม่แดง ข้างที่ผสมน้ำเปล่าจะแดงนิดนึงบริเวณหน้าผาก
พอล้างออก ผิวจะใสขึ้น รูขุมขนกระชับขึ้น ดีมากๆนะ ทำอาทิตย์ละครั้ง พอกโคลนเสร็จ มาส์กหน้าต่อหน่อยนึง ดีงาม
มาถึงออยล์ แบรนด์นี้ก็ต้องเป็น Argan Oil กับอีกตัวที่เริ่ด คือ Barbary Oil
Argan Oil คงรู้จักกันอยู่แล้ว คุณสมบัติลดริ้วรอย ต้านการอักเสบ ทำให้ผิวชุ่มชื้นเปล่งปลั่ง มี Co Q10 ด้วยนะ ดีเริ่ด ตัวนี้จะเป็นสูตร Neroli Scented กลิ่นส้มจี๊ด มันหอมอ่อนๆ เท่านั้นเอง จางๆ เราชอบมาก
ส่วน Barbary Fig seed oil นี้ มันคือน้ำมันจากอะไร มันคือน้ำมันจากลูก Fig ของต้นกระบองเพชร Barbary หน้าตาเป็นแบบนี้
น้ำมันตัวนี้ ช่วยเรื่องความยืดหยุ่นของผิว ความชุ่มชื้น ลดรอยคล้ำใต้ตาด้วยนะ ต้านการอักเสบ อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ มี วิตามิน K สูง มี Omega 6 ถึง 65% เลยทีเดียวเชียวนะ
เนื้อของสองตัวไม่เหมือนกันน๊า ตัว Barbary จะข้นๆหนืดๆกว่า ไม่มีกลิ่น ส่วน Argan ตัวกลิ่น neroli จะเหลวๆกว่ามีกลิ่นหอมอ่อนๆ
ทาหน้าได้เช้าเย็นเลยนะ ทิ้งไว้ซักพักซึมเข้าผิวค่อยแต่งหน้า แต่ว่าส่วนตัวจะชอบใช้ออยล์ตอนกลางคืนมากกว่าตอนกลางวันง่ะ
ผลจากการใช้ส่วนตัว
- สำหรับการบำรุงผิวหน้า ชอบตัว Barbary มากกว่า ลองใช้ตอนกลางคืนต่อเนื่อง ตอนที่ใช้ Barbary ตื่นมาหน้าจะชุ่มชื้นกว่า ผิวจะดูใสกว่า นิดนึง จริงๆนะ
- แต่ถ้าพกพาไปทุกที่ จะชอบตัว Argan Neroli เพราะว่ากลิ่นหอม ใช้ง่าย ใช้บำรุงผมก็ได้ ตัวที่ไม่มีกลิ่นจะใช้ยากกว่านิดนึง สำหรับ Neroli คือ พกขวดเล็กๆ ขวดเดียว จบ ใช้ได้ตั้งแต่หัวจรดเท้า
สำหรับเราตอนนี้คือ ก่อนนอน ลง toner, serum , barbary oil ตามด้วย sleeping mask ลงตัวมากค่ะ คอมบิเนชั่นนี้ ดีเลิศ
ของดีจริงๆนะ ต้องไปลอง ถ้าใครสนใจผลิตภัณฑ์ออร์กานิค ธรรมชาติ แบรนด์ Arganna ก็เป็นแบรนด์ที่น่าสนใจและราคาไม่แพงค่ะ
สำหรับตัวนี้เราขอมอบเครดิตให้กับเพื่อนที่ส่งมาให้เราลองน๊า ใครสนใจก็ลองติดต่อซื้อที่เพื่อนเราได้จ้า
Line @ckkristiansen
Tel : 0863493711 (จิ๊บ)
น่าใช้ที่ซู้ดๆๆๆสดใสน่าลองมากคะ
ใช้อยู่ทั้งหมดเลยค้าาา ชอบมากกก ผิวแข็งแรงขึ้นเยอะเลย